...เคยลังเลกันไหม!!...

ว่าจะ "เคลือบแก้ว" หรือ "จะแวกซ์" ดี

++++++++++++++++++++++++++

วันนี้ทาง G2C มีเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับ 

++ "ความต่างระหว่าง การแวกซ์ กับ เคลือบแก้ว"++
มาฝากกันค่ะ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

== การแวกซ์ ==

• ให้ความเงางามในราคาที่ไม่แพง
• มีอายุการใช้งานในระยะสั้นๆ 
• ต้องทุกซ้ำเป็นประจำแทบทุกเดือน
• หากเทียบในระยะยาว การแว็กซ์อาจส่งผลต่อสีผิวของรถ เนื่องจากแว็กซ์มีน้ำมันผสมอยู่ เมื่อทำปฎิกิริยากับความร้อน และแสง UV จะก่อความเสียหายได้

== การเคลือบแก้ว==

• ให้ความเงางามที่ใสเหมือนกระจก ในราคาที่ค่อนข้างสูง
• มีอายุการใช้งานในระยะยาว
• ปกป้องผิวรถยนต์ ที่มีชั้นผิวเคลือบที่แข็งแรง
• ช่วยปกป้องรถจากมลภาวะต่างๆ
• ลดปัญหาคราบน้ำ หรือฝนกัดชั้นสีผิวรถ 
• ลดปัญหารอยขนแมว แสง UV 
• ลดคราบสกปรกจากมูลนก ยางไม้ หรือยางมะตอย

โอ้ะโอ!! อาจต้องดูกันแล้วหล่ะค่า ว่าอยากให้รถของท่านเงางามอย่างเดียว 

หรืออยากให้ทั้งเงางามและทั้งป้องกันสีตัวถังรถคุณด้วยด้วย อิอิ ^^ 

*** โดยทาง G2C จะคอยนำเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ มาฝากกันนะคะ *** 

++  หาอ่านกันได้ที่ Blog : http://glasscoatingclub.blogspot.com ++

++ ติดตามกันได้ที่ : https://www.facebook.com/glasscoatingclub ++

++  แวะชมสินค้า/บริการของ G2C ได้ที่ : http://www.glasscoatingclub.com ++

Read More

... คุณรู้ข้อมูลเกี่ยวกับการเคลือบแก้ว ...

...ดีพอแล้วหรือยัง!! ...

++++++++++++++++++++++++++

วันนี้ทาง G2C มีเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ ของ

"ความเข้าใจผิด เกี่ยวกับการเคลือบแก้ว" 

มาฝากกันค่ะ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เคยมีความคิดนี้กันไหม!!  ** หากใช่ แสดงว่า "คุณกำลังเข้าใจผิด" **

• เคลือบแก้วไปแล้ว เมื่อหมดอายุการใช้งาน ถ้าไม่เคลือบซ้ำ สีรถจะเพี้ยน เป็นรอยด่างๆ ไม่เท่ากัน 
• การดูแลรถจะยากมากขึ้น ยุ่งยากมากขึ้น
• การเคลือบแก้วเหมาะกับรถใหม่ป้ายแดงเท่านั้น

*** ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ "ไม่เป็นความจริง" ทั้งนั้น  เพราะ

การเคลือบแก้วของแท้ จะมีลักษณะดังนี้

• การเคลือบแก้ว เป็นการเคลือบทับลงไปอีกชั้นจากชั้นสีจริง หากหมดสภาพก็จะเป็นชั้นที่เราเคลือบ ไม่ใช่สีผิวรถจริงๆ 
• การดูแลรักษาจะง่ายขึ้น เพียงแค่ใช้น้ำเปล่าหรือแชมพูค่า pH เป็นกลาง ร่วมกับฟองน้ำ หรือผ้าไมโครไฟเบอร์ก็เพียงพอแล้ว
• รถเก่าหรือใหม่ก็เคลือบได้ ยิ่งหากเป็นรถเก่า ก็จะยิ่งเห็นความแตกต่างเรื่องความเงางามระหว่างก่อนทำและหลังทำชัดมากขึ้น

*** โดยทาง G2C จะคอยนำเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ มาฝากกันนะคะ *** 

++  หาอ่านกันได้ที่ Blog : http://glasscoatingclub.blogspot.com ++

++ ติดตามกันได้ที่ : https://www.facebook.com/glasscoatingclub ++

++  แวะชมสินค้า/บริการของ G2C ได้ที่ : http://www.glasscoatingclub.com ++

Read More

เอ...เราจะรู้ได้อย่างไรกันน้า!!! 

ว่ารถเราได้ผ่านการเคลือบแก้วมาแล้วจริงๆ 

และมันคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป

++++++++++++++++++++++++++

วันนี้ทาง G2C มีเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับ 

"วิธีการทดสอบรถเบื้องต้น ว่าได้ผ่านการเคลือบแก้วที่มีคุณภาพหรือไม่" 

มาฝากกันค่ะ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

1.) ทดสอบด้วยการ "สังเกตด้วยตาเปล่า"

       หากรถของคุณได้ผ่านการเคลือบแก้วที่ได้มาตรฐาน จะมีลักษณะเป็นดังนี้

• เมื่อเวลาฝนตก หรือล้างทำความสะอาดรถ คราบสกปรกต่างๆ จะหลุดออกได้ง่าย 
• เมื่อโดนน้ำ จะไม่ทิ้งร่องรอยของคราบน้ำ 
• น้ำที่กระทบชั้นผิวรถ จะมีลักษณะเป็นเม็ดกลมๆ และไหลผ่านได้อย่างรวดเร็ว 
• ทนต่อรอยขีดข่วนต่างๆได้เป็นอย่างดี 
• รถแลดูเหมือนใหม่เสมอ แม้แต่รถสีขาวก็ยังสะท้อนความเงางามออกมาให้เห็นอย่างเด่นชัด

       แต่ถ้าผลลัพธ์ไม่ใช่ดังที่กล่าวมา นั่นก็แสดงว่ารถของคุณถูกการเคลือบแก้วมาโดยใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีคุณภาพ หรือไม่ก็ไม่ได้ผ่านการเคลือบแก้วจริงๆ เป็นเพียงแค่การล้างเคลือบสีเท่านั้น

2.) ทดสอบด้วย "กรดเกลือไฮโดรคลอริก" 

** แต่สำหรับวิธีนี้ ใครใจถึง ไม่แนะนำให้ลองทำนะจร้ะ อิอิ ^^ **

       ให้นำกรดเกลือไฮโดรคลอริกที่มีฤทธิ์ในการกัดกร่อนสูง มาหยดทดสอบลงบนชั้นผิวรถที่ผ่านการเคลือบ กรดเกลือดังกล่าวจะไม่สามารถเข้าไปทำลายสีผิวรถของคุณได้ 

       แต่หากเคลือบด้วยน้ำยาเคลือบที่ไม่มีคุณภาพ ฤทธิ์จากกรดดังกล่าวจะเข้าไปทำปฏิกิริยากับชั้นผิวรถของคุณทันที

*** โดยทาง G2C จะคอยนำเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ มาฝากกันนะคะ *** 

++  หาอ่านกันได้ที่ Blog : http://glasscoatingclub.blogspot.com ++

++ ติดตามกันได้ที่ : https://www.facebook.com/glasscoatingclub ++

++  แวะชมสินค้า/บริการของ G2C ได้ที่ : http://www.glasscoatingclub.com ++

Read More